วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประชากรไทย 4.4 ล้านคน เสี่ยงต่อผลกระทบจากมลพิษทางน้ำ




วันนี้กรีนพีซเปิดเผยรายงานอันน่าวิตก เกี่ยวกับพื้นที่และแหล่งน้ำที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำในประเทศไทย ระบุประเทศไทยมีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำถึงร้อยละ 92.68 ของพื้นที่ทั้งหมด โดยเป็นพื้นที่เสี่ยงในระดับสูงร้อยละ 6.87 ของพื้นที่เสี่ยงทั้งหมด และอาจส่งผลกระทบต่อประชากรได้มากถึงประมาณ 4,440,049 คน หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขในทันที

แม่น้ำสายหลักของประเทศไทย ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำ
 
 
 
แผนที่หมู่บ้านในประเทศไทย ที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำ

 
 
แผนที่แม่น้ำในประเทศไทยที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำ
 
 

แผนที่ของพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำในประเทศไทย ประกอบด้วย 1) ความเสี่ยงสูง 2) ความเสี่ยงปานกลาง 3) ความเสี่ยงต่ำ 4) ไม่มีความเสี่ยง

รายงาน " พื้นที่และแหล่งน้ำที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำในประเทศไทย" ที่ศึกษาโดยกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บูรณาการการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมภาคสนาม เข้่ากับเทคโนโลยีระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อวิเคราะห์หาพื้นที่และแหล่งน้ำที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำ (1) ผลการศึกษาพบว่าจังหวัดที่มีพื้นที่เสี่ยงในระดับสูงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี และระยอง
"ปัญหาการขยายตัวของกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมก่อมลพิษทางน้ำ ที่ไม่ลดน้อยลงและเพิ่มขึ้นอย่างขาดการวางแผน การใช้สารเคมีเพิ่มขึ้นในภาคเกษตรกรรม และ ความหนาแน่นของประชากร ได้รับการศึกษาว่าเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดปัญหามลพิษทางน้ำ (1) พื้นที่ที่มีความเสี่ยงในระดับสูงส่วนใหญ่ คือ บริเวณที่มีความเป็นเมืองและอุตสาหกรรมสูง แม้จะเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างเล็ก แต่จะได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุด เนื่องจากมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น" นายพลาย ภิรมย์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
การศึกษาได้แบ่งระดับความเสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำเป็น 4 ระดับคือ ความเสี่ยงสูง ปานกลาง ต่ำ และไม่มีความเสี่ยง ข้อมูลศึกษาตามรายภาคพบว่า ภาคตะวันออกมีสัดส่วนพื้นที่เสี่ยงในระดับสูงมากที่สุด คือ ร้อยละ 35.64 ของพื้นที่ทั้งหมด รองลงมาคือภาคกลาง คือ ร้อยละ 15.89 ของพื้นที่ทั้งหมด
นอกจากนี้ กว่าร้อยละ 99 ของหมู่บ้านในประเทศไทย (ดูแผนที่ หรือ ดูรายชื่อหมู่บ้าน) ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้แหล่งน้ำ มีความเสี่ยงจากมลพิษทางน้ำ่่เช่นเดียวกัน โดยร้อยละ 41.64 พบความเสี่ยงในระดับสูงมาก โดยหมู่บ้านเหล่านี้มีประชากรหนาแน่นประมาณ 4,440,049 คน
ในรายงานการศึกษายังระบุว่า จังหวัดระยองมีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำถึงร้อยละ 97.78 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด โดยหมู่บ้าน 302 แห่ง หรือร้อยละ 78.44 ของหมู่บ้านทั้งหมด ตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำที่มีความเสี่ยงในระดับสูงต่อการเกิดปัญหามลพิษทางน้ำ ส่งผลกระทบต่อประชากรได้ถึง 454,551 คน ดังนั้นการประกาศบริเวณอุตสาหกรรมในจังหวัดระยองให้เป็นเขตควบคุมมลพิษ จึงควรเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน และโปร่งใสอย่างที่สุด
นอกจากนี้ รายงานยังเปิดเผยว่า แม่น้ำที่มีความเสี่ยงในระดับสูงต่อการเกิดมลพิษทางน้ำ พบ 7 สาย ในภาคกลาง 8 สาย ใน ภาคตะวันออก  14 สาย และแหล่งน้ำนิ่ง 2 แหล่งในภาคเหนือ 14 สายและแหล่งน้ำนิ่ง 5 แหล่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในจำนวนดังกล่าวนี้ มีแหล่งน้ำหลายแห่งที่ปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่าพบปัญหาด้านคุณภาพแหล่งน้ำ แต่มีความเสี่ยงในระดับสูงที่อาจเกิดปัญหามลพิษทางน้ำได้ในอนาคต ( ดูแผนที่แม่น้ำสายหลักในพื้นที่เสี่ยงต่อมลพิษทางน้ำ)
"แหล่งน้ำที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมลพิษในรายงาน ล้วนเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญมากต่อประชาชนไทย ทั้งในด้านเศรษฐศาสตร์สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประเทศ กรีนพีซจึงเรียกร้องให้รัฐบาลลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามต่อแหล่งน้ำของประเืืทศที่กำลังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ปริมาณน้ำจืดต่อหัวของคนไทยมีน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจังที่สุด เพื่อปกป้องแหล่งน้ำของเราที่มีอยู่อย่างจำกัดให้รอดพ้นจากมลพิษ" นายพลายกล่าวเพิ่มเติม
ดาวน์โหลดรายงานพื้นที่เสี่ยงต่อมลพิษทางน้ำในประเทศไทย
(1) ผลศึกษาพบปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดมลพิษทางน้ำทั้งสิ้น 12 ปัจจัย และเมื่อผ่านกระบวนการวิเคราะห์แบบหลายตัวแปร (Multi-Criteria Analysis; MCA) ทำให้ทราบความสำคัญของแต่ละปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดมลพิษทางน้ำ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดมลพิษทางน้ำมากที่สุด 6 อันดับแรก คือ 1) ความลาดชันของพื้นที่ 2) โรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษทางน้ำ 3) พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก 4) ปริมาณการใช้สารเคมีเกษตร 5) ปริมาณสารเคมีที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และ 6) ความหนาแน่นประชากร ตามลำดับ (2) ภาคกลาง ได้แก่ แม่น้ำนครชัยศรี แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำลัดเกร็ด แม่น้ำสุพรรณบุรี ภาคตะวันออก ได้แก่ แม่น้ำพระปรง แม่น้ำหนุมาน ภาคเหนือ ได้แก่ น้ำแม่แจ่ม น้ำแม่ฝาง แม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำแม่ลาว แม่น้ำแม่แตง เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิตติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ แม่น้ำชี แม่น้ำโขง แม่น้ำสงคราม ลำชี ลำเชิงไกร ลำโดมใหญ่ ลำปลายมาศ ลำพระเพลิง ลำมูลน้อย ลำตะคองเก่า ห้วยหลวง เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำปาว เขื่อนอุบลรัตน์ ภาคใต้ ได้แก่ แม่น้ำปากพนัง ทะเลน้อย คือ เขื่อนปัตตานี

แจ้งเหตุมลพิษทางน้ำ

บริจาค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น